|  | 
					ชื่อเรียกท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า ฝางเสน  ฝางส้ม ง้าย (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ภาค  เหนือ  เรียกว่า หนามโค้ง (แพร่)  ฟอ (กระ  เหรี่ยง-เชียงราย) | 
| ลักษณะ : ไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นและกิ่งมีหนามโค้งสั้นๆ และแข็ง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองสั้น เรียงสลับกัน มีใบย่อรูปขอบขนานติดตรงข้ามกัน ปลายใบมนและหยักเว้าตรงกึ่งกลางผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้านขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อ ที่ซอกใบตอนปลายกิ่งมีสีเหลือง ผิวและขอบกลีบ ผลเป็นฝักแบนแข็งส่วนที่ค่อนมาทางโคนฝักจะสอบเอียงเล็กน้อย รูปสี่เหลี่ยม ด้านปลายฝักผายกว้างเป็นจงอยแหลมที่มุมด้านนอกแต่ละฝักจะมีเมล็ดรูปรี 2-4 เมล็ด ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด | |
| ส่วนให้สี : แก่นต้น | 
| การย้อมสีเส้นไหม เส้นฝ้าย โดยใช้ไม้ฝางแดง มีวิธีดังต่อไปนี้ | |
| 1) ชั่งไม้ฝางแดงที่ผ่าเป็นซีกเล็กๆ ประมาณ 3 กิโลกรัม ใส่ลงในกะละมังสแตนเลส เติมน้ำ 20 ลิตร แล้วแช่ค้างคืนไว้ |  | 
| 2) นำกะละมังสแตนเลสที่แช่ไม้ ไปต้มไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อให้สีที่อยู่ในฝางแดงละลายออกมาให้มากที่สุด ใช้กระชอนตักไม้ออก แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นนำน้ำสีที่กรองได้ไปตั้งไฟให้เดือด เติมสารส้ม 50 กรัม เพื่อให้เม็ดสีจับตัวกัน 
					 
					 
 
 
 
 กรองด้วยผ้าขาวบาง 
					                   
 
 
 เติมสารส้มให้เกิดเม็ดสี | |
| 3) ระหว่างรอน้ำสีให้แช่เส้นไหมหรือเส้นฝ้ายที่คล้องด้วยห่วงเชือกฟางในน้ำที่ผสมสารส้มเจือจาง 25 กรัม ต่อน้ำ 10 ลิตร ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ติดสีดีขึ้น และเส้นไหมมีความมันวาวขึ้น 
					 
 | |
| 4) นำเส้นไหมหรือเส้นฝ้ายที่แช่น้ำผสมสารส้มเจือจางบิดให้หมาด แล้วดึงใจเส้นไหมหรือเส้นฝ้ายด้วยแขน ทั้งสองข้างเพื่อเป็นการคลี่เส้นด้ายออก ไม่ให้กระจุกตัวติดกัน |  | 
| 5) หย่อนเส้นไหมหรือเส้นฝ้ายลงในน้ำสีโดยจับห่วงเชือกฟาง และต้มทิ้งไว้ประมาณ 30 –45 นาที โดยทำการกวนเส้นไหมหรือเส้นฝ้ายตลอด เพื่อให้สีติดอย่างสม่ำเสมอ       หย่อนเส้นไหมหรือเส้นฝ้ายลงในน้ำสีโดยจับห่วงเชือกฟางและต้มทิ้งไว้ | |
| 6) เมื่อครบเวลานำเส้นไหมหรือเส้นฝ้ายไปทุบด้วยกระบวยที่ใช้กวนสี หรืออาจใส่ถุงมือแล้วใช้มือขย้ำ เพื่อให้สีติดอย่างทั่วถึง แล้วนำเส้นไหมมาบีบน้ำสีออก กระตุกให้เส้นไหมตรง ตากจนแห้ง แล้วนำเส้นไหมไปล้างด้วยน้ำสะอาด โดยวิธีการล้างคือล้างจนกว่าน้ำที่ล้างไม่มีสีหลุดออกมา จากนั้นกระตุกให้เส้นไหมตรง ตากจนแห้ง เส้นใยที่ย้อมได้เป็นสีแดงชมพู 
					 ทุบด้วยกระบวนที่ใช้กวนสี เพื่อให้สีติดทั่วถึง อาจใส่ถุงมือแล้วใช้มือขย้ำ 
					 บีบน้ำสีออก กระตุกให้เส้นนไหมตรง ตากจนแห้ง | |
| 7) ถ้าต้องการสีบานเย็น เมื่อครบเวลาที่ต้มเส้นไหม (1.5) นำเส้นไหมหรือเส้นฝ้ายมาบีบน้ำสีออก แล้วนำไปจุ่มในน้ำปูนใส (1 กำมือ/น้ำ ครึ่งถัง) จะได้สีบานเย็น 
					 
					 เส้นไหมที่ย้อมด้วยฝางจุ่มในน้ำปูนเพื่อให้ได้เป็นสีบานเย็น 
					 เส้นไหมที่ย้อมด้วยฝาง เมื่อจุ๋มน้ำปูนจะให้สีบานเย็น | |
	
	 
- < เข (Khe)
 
 






 
   
  
 
   
  
 ปูน
  ปูน    ปูนละลายน้ำ
  ปูนละลายน้ำ 
   
  
 
 