ฐานข้อมูลส่งเสริมและยกระดับคุณภาพสินค้า OTOP

 

 

 

บทนำ

              ปัจจุบันมนุษย์มักประสบปัญหาทางสภาพร่างกายและจิตใจ  เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างๆไม่ว่าจะเป็นมลภาวะทางอากาศ  ได้แก่  ควันพิษจากรถยนต์  ควันบุหรี่  หรือสารเคมี  รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ไม่พึงประสงค์ทั้งทางด้านสังคมและการเมือง  ทำให้เกิดความวิตกกังวลและความเครียดต่างๆตามมา  มนุษย์จึงหันมาเอาใจใส่  ดูแลสุขภาพกันมากขึ้น  โดยใช้วิธีทางธรรมชาติ  ทางเลือกหนึ่งที่นิยมกันมากคือ  การบำบัดด้วยกลิ่นหอม  หรือสุคนธบำบัด  (Aromatherapy)  นั่นเอง  ซึ่งทำให้เกิดความสมดุลทั้งทางร่างกาย  จิตใจและอารมณ์  มักใช้บริการได้ทั่วไปในสถานบริการที่เรียกว่า  สปา  (Spa)

              การใช้ประโยชน์จากน้ำมันหอมระเหยมีมาตั้งแต่สมัย 5,000 ปีก่อน  ชาวอียิปต์โบราณเป็นชนชาติแรกที่มีการสกัดน้ำมันหอมระเหยมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง  หลังจากนั้นก็มีชนชาติอื่นตามมา  ได้แก่  จีน  อินเดีย  อียิปต์  ฝรั่งเศส  เป็นต้น  กลิ่นหอมต่างๆที่นำมาบำบัดเป็นสารสกัดที่มาจากน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ  ซึ่งมีสรรพคุณและประโยชน์มากมาย  เช่น  น้ำมันพริกไท  น้ำมันกานพลู  น้ำมันลาเวนเดอร์  น้ำมันสะระแหน่  ฯลฯ  โดยทั่วไปน้ำมันหอมระเหยสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง  ได้แก่  การสูดดม  การซึมผ่านผิวหนังและการรับประทาน  แต่ละชนิดมีฤทธิ์ต่อระบบต่างๆของร่างกายที่แตกต่างกัน  ขึ้นอยู่กับประเภทและสรรพคุณของพืชชนิดนั้นๆ  น้ำมันหอมระเหยจึงเป็นการแพทย์ทางเลือกแบบหนึ่งที่สามารถป้องกันและรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยที่ไม่ร้ายแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี  อย่างไรก็ตามแม้ว่าน้ำมันหอมระเหยจะมีคุณประโยชน์มากมาย  แต่หากใช้ผิดวิธีก็ย่อมก่อให้เกิดโทษได้  ดังนั้นผู้ใช้จึงควรศึกษารายละเอียดของน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิดอย่างละเอียดก่อนนำมาใช้