(1) Chilling storage การแช่เย็นที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดเยือกแข็งประมาณ 5-10 ºC เป็นเพียงการรักษาอาหารไว้ชั่วระยะหนึ่ง เพราะช่วยชะลอให้จุลินทรีย์เจริญได้ช้าลงเท่านั้น
(2) Cold storage การแช่เย็นแข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งประมาณต่ำกว่า -10 ºC เพื่อให้น้ำในอาหารกลายเป็นน้ำแข็ง จุลินทรีย์จะหยุดการเจริญโดยสิ้นเชิง ทำให้สามารถเก็บรักษาอาหารได้นานเป็นปี (นวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์, 2545)
3. การถนอมอาหารโดยการลดความชื้น
การลดความชื้นเป็นการลดปริมาณน้ำหรือความชื้นในสิ่งแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตของจุลินทรีย์ ซึ่งมีหลายวิธี ดังนี้
(1) การคั่วและการทอด ทั้ง 2 วิธีแตกต่างกันที่การคั่วจะไม่ใส่น้ำมัน แต่การทอดจะใส่น้ำมันลงไปให้ท่วมอาหาร
(2) การปิ้งและการย่าง มักใช้กับอาหารที่มีชิ้นขนาดใหญ่ให้สัมผัสกับความร้อนจากไฟโดยตรง
(3) การกวน การแช่อิ่มและการทำเค็ม ในการทำเค็มจะใส่เกลือลงไปในอาหารเพื่อดึงน้ำออกจากอาหาร ทำให้จุลินทรีย์ไม่สามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งมีลักษณะเดียวกับการใช้น้ำตาลในการแช่อิ่มและการกวนก็มีหน้าที่เหมือนกับเกลือในการทำเค็ม
4. การถนอมอาหารโดยวิธีการฉายรังสี (Preservation by radiation)
การถนอมอาหารด้วยวิธีนี้ เป็นการผ่านรังสีที่ได้จากากรสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสีเข้าไปในอาหาร เพื่อชะลอการสุกของผลไม้ ระงับการงอกของพืช ทำลายจุลินทรีย์ แมลงและเอนไซม์ เป็นผลให้สามารถถนอมอาหารนั้นไว้ได้นานโดยไม่เน่าเสีย
กลไกการทำงาน คือ เมื่อรังสีถูกส่งให้ซึมผ่านเนื้ออาหารแล้วจะทำให้ในอาหารและน้ำที่มีอยู่ภายในเซลล์ของจุลินทรีย์มีสภาพผิดไปจากเดิม ทำให้จุลินทรีย์ตายได้ (นวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์, 2545)
5. การใช้ความดัน (Preservation by pressure)
ความดันอากาศสูงๆมีผลต่อการเจริญและกระบวนการเมทาบอลิซึมของจุลินทรีย์ และเมื่อเพิ่มความดันให้สูงขึ้นไปอีกก็จะทำลายจุลินทรีย์และหยุดการทำงานของเอนไซม์ได้ ความดันอากาศขนาด 6,000 บรรยากาศ เป็นเวลา 45 นาที จะทำลายแบคทีเรียได้แต่ไม่มีผลต่อสปอร์ของแบคทีเรีย ถึงแม้ว่าจะเพิ่มความดันถึง 20,000 บรรยากาศก็ตาม นอกจากนี้ยังพบว่า ถ้าทำการลดความดันลงอย่างรวดเร็ว จะเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ (germidical effect) ได้